แบ่งเงินเป็น 6 ส่วน ช่วยคุณได้

          บทความนี้จะขอมาแชร์ประสบการณ์การออมเงินครับ
ในช่วงที่ผมยังได้รับเงินประจำอยู่นั้น
ผมไม่เคยได้สำรวจหรือทำบัญชีรายรับรายจ่ายเลย
ซึ่งในแต่ละเดือนนั้นผมมีรายได้เข้ามาไม่มากมาย
แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานสำหรับงานด้าน IT รวมๆกันแล้ว
รายได้ต่อปีก็ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่าก็คือ
ผมแทบไม่มีเงินเก็บเลย หลายเดือนที่ใช้เงินแบบเดือนชนเดือน
แม้จะไม่ต้องไปกู้ยืมใคร
แต่ก็ต้องใช้จ่ายแบบประหยัดสุดๆในช่วงปลายเดือน

          หลังจากที่ผมได้เริ่มต้นทำธุรกิจเสริมและเริ่มมีรายได้เข้ามานั้น
จึงได้นำหลักการออมเงินแบบ แบ่งเงินเป็น 6 ส่วน มาใช้

6 ส่วนที่ว่านี้ได้แก่

1. เงินสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน
2. เงินออมรายะยาว
3. เงินสำหรับการลงทุน
4. เงินสำหรับการศึกษา
5. เงินสำหรับให้รางวัลตัวเอง
6. เงินบริจาค

เงินสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน - ได้แก่เงินที่ต้องใช้จ่ายในเรื่องจำเป็นเช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ
ค่าหอพัก ค่าผ่อนบ้าน ค่ากิน ค่ารถ ซึ่งในช่วนนี้จะเป็นเงินที่จ่ายไปแบบไม่ก่อให้เกิดรายได้
และต้องจ่ายออกไปเป็นประจำ
คิดเป็น 55% ของรายได้ทั้งหมด

เงินออมรายะยาว - ได้แก่เงินที่ต้องการไว้ใช้ในยามฉุกเฉินหรือไว้ใช้ในยามเกษียร
คิดเป็น 10% ของรายได้ทั้งหมด

เงินสำหรับการลงทุน - ได้แก่เงินที่จะนำไปลงทุนต่อยอดไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น
ธุรกิจเสริมขนาดเล็ก สลากออมสิน กองทุนต่างๆ หรือแม้กระทั้งการลงทุนกับ
ฉลากกินแบ่งรัฐบาลก็สามารถใช้ได้ ^^ ขึ้นอยู่กับความชอบและการยอมรับความเสี่ยง
ว่าสามารถยอมรับได้ มากน้อยแค่ไหน
คิดเป็น 10% ของรายได้ทั้งหมด

เงินสำหรับการศึกษา - ได้แก่เงินที่จะนำไปใช้ศึกษาเพิ่มเติมเช่น ศึกษาต่อปริญญาโท, เอก
หาความรู้เพิ่มเติมจากหนังสือ หรือแม้กระทั้งลงคอร์สอบรมต่างๆ เพื่อเพิ่มทักษะให้กับตัวเราเอง
คิดเป็น 10% ของรายได้ทั้งหมด

เงินสำหรับให้รางวัลตัวเอง - เงินในส่วนนี้ก็ตามชื่อเลย เป็นส่วนที่จะนำไปใช้จ่ายอะไรก็ได้
เพื่อเป็นรางวัลให้กับตัวเราเองที่ทำงานหนักมาตลอดทั้งเดือน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อโทรศัพท์ใหม่
ออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ก็ล้วนใช้เงินในส่วนนี้
คิดเป็น 10% ของรายได้ทั้งหมด

เงินบริจาค - ส่วนสุดท้ายก็เป็นเงินที่ให้เราได้ลงทุนสะสมบุญเพื่อส่งผมให้กับเราในภายภาคหน้า
คิดเป็น 5% ของรายได้ทั้งหมด

          หลังจากที่ผมได้นำหลักการดังกล่าวมาเริ่มใช้ในชีวิตประจำวัน ในช่วงแรกๆก็เหมือนจะมีเงินใช้ไม่พอ
แต่จริงๆแล้ว เราสามารถที่จะจำกัดการใช้เงินของเราให้อยู่ในงบประมาณได้
ซึ่งหลังจากผ่านไป 2-3 เดือนก็เริ่มเห็นผล จากที่ไม่เคยเก็บเงินได้เลย ก็เริ่มมีเงินเก็บ
และยังมีเงินเหลือพอที่จะนำไปลงทุนหรือศึกษาเพิ่มเติมเพื่อต่อยอดธุรกิจได้อีกด้วย

          จากกรณีตัวอย่างของผมเอง ก็หวังว่าอาจจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆบางคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ให้สามารถมีเงินไว้ใช้ ไม่ต้องใช้จ่ายเดือนชนเดือนเหมือนที่ผมเคยเป็น

          เริ่มเร็ว ได้เร็ว วิธีการนี้อาจไม่ได้ทำให้เพื่อนๆรวยเป็นเศรษฐี แต่มันอาจจะช่วยเพื่อนๆในยามฉุกเฉินก็ได้ ใครจะไปรู้...

Demon..

Facebook : https://www.facebook.com/buildsuccessonlinebiz
ดูบทความอื่นๆ : http://buildsuccessonlinebiz.blogspot.com